บทที่ 2 1
แม้จะยังไม่พร้อมเจอหน้าคนใจร้ายที่ทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ แต่ในที่สุดอารยาก็หยิบกุญแจรถและเสื้อคลุมไหล่ออกไปที่รถ มุ่งหน้าไปตามพิกัดปลายทางที่เมธาแชร์มาให้ ก่อนจะเห็นฝ่ายนั้นยืนโบกมือไหว ๆ ตรงลานจอดรถของผับดังพร้อมกับสาวสวยข้างกาย
“ไหนล่ะนายปราปต์”
“โน่น”
เมธาขยับตัวหลีกทางให้คนตัวเล็กที่ลงจากรถมาหน้าตาตื่น เพราะหญิงสาวสูงแค่ร้อยห้าสิบห้าเซนติเมตรส่วนเขาตัวสูงใหญ่ราวกับยักษ์วัดแจ้งจึงมองไม่เห็นคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงตัวรถอยู่ สภาพของปราปต์ดูไม่จืด คำว่ามาเมาเหมือนหมาที่เมธาบอกดูเบาไปเลย
ทั้งหมดช่วยกันพาร่างบึกบึนของปราปต์ไปที่รถอารยา จัดท่าทางให้นอนสบายตรงเบาะหลัง ก่อนแยกกันเมธาส่งกุญแจรถของคนเมาให้เธอ หน้าที่ของหญิงสาวคือพาปราปต์ไปถึงฟาร์มศุภโชคอย่างปลอดภัย
“แค่ผู้หญิงคนเดียวทำไมถึงเละเทะได้ขนาดนี้เนี่ย” กอดอกแล้วส่ายหน้าเอือมระอา
...หมดกันภาพของนายปราปต์สุดเท่แห่งฟาร์มศุภโชค
พออยู่ในรถด้วยกันแม้ปราปต์จะไม่ได้สตินอนตรงเบาะหลังเขาก็ยังทำให้เธอรู้สึกเศร้า ไม่ใช่แค่เขาหรอกนะที่รักฟ้างาม ฝังใจ...อ้อนก็รักปราปต์ฝังใจเหมือนกัน แอบรักมาเนิ่นนานตั้งแต่จำความได้ คอยช่วยเหลือทุกสิ่งอย่างเท่าที่ช่วยได้ ด้วยหวังว่าเขาจะเห็นน้ำใจ
แต่ปราปต์ใจร้าย...
ใจร้ายมากจริง ๆ
คืนฉลองเปิดฟาร์มศุภโชคอย่างเป็นทางการเมื่อสองเดือนก่อนเธอตัดสินใจสารภาพรักโดยเขียนการ์ดเสียบในช่อดอกไม้ฝากประกายแก้วเพื่อนรักของเธอไปให้
แต่ใครจะไปรู้ว่าทันทีที่ได้รับมัน ชายหนุ่มก็เดินจ้ำอ้าวเข้ามากระชากแขนคนที่รอลุ้นผลท่ามกลางสายตาของคนทั้งงาน เธอพยายามแกะมือหนาออกแต่ก็ไม่เป็นผล อายคนก็อาย
‘ปราปต์ ทำบ้าอะไร ! ฉันเจ็บ’
‘เป็นบ้าหรือไงวะ กล้ามากเลยนะที่บอกรักผู้ชายแบบนี้น่ะ ถามฉันหรือยังว่าฉันจะเอาเธอไหม’
น้ำเสียงที่กดต่ำ ๆ และเค้นลอดไรฟันบวกกับแววตาดุดันคู่นั้นทำให้อารยาขาอ่อน
ก่อนที่คนตรงหน้าจะปาช่อดอกไม้ที่ถือมาด้วยใส่อกเธออย่างแรง
หญิงสาวมองมันหล่นลงไปแน่นิ่งที่ปลายเท้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด หากยังไม่สาหัสเท่าคำพูดของเขา
‘น้ำหน้าอย่างเธอฉันแดกไม่ลง เห็นมาตั้งแต่นมเท่าลูกเกด ถ้าสวยแบบฟ้างามนะจะไม่บ่นสักคำเลย หัดเจียมตัวซะบ้าง’
อารยาสะบัดแขนแรง ๆ จนเป็นอิสระ เสียงฮือฮาของคนทั้งงานดังเหลือเกินในความรู้สึก
เธออึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
เธอต้องรวบรวมความกล้ามานานแค่ไหนถึงจะกล้า
บอกเขาไป แต่ถ้าไม่เอาก็บอกดี ๆ ทำไมต้องทำให้อับอายขนาดนี้
แล้วเพื่อนคนหนึ่งก็เก็บช่อดอกไม้ขึ้นมาอ่านข้อความในนั้นด้วยใจนึกสนุก
ยินดีกับความสำเร็จด้วยนะ ดีใจมากที่เห็นปราปต์มีวันนี้ อ้อนอยากใช้โอกาสนี้เพื่อสารภาพบางอย่าง เรารักปราปต์นะ... เราเป็นเพื่อนกันมานานมากจนไม่รู้ว่าอ้อนหลงรักปราปต์ตอนไหน รู้อีกทีก็รักไปแล้ว... ไม่รู้หรอกว่าปราปต์จะรักใคร แต่อยากให้ปราปต์รู้ไว้ว่าอ้อนรักปราปต์
อ้อน
อารยาไม่สนุกเลย เธอน้ำตารื้นเพราะคนทั้งงานบ้างก็หัวเราะบ้างก็มองเธอเป็นตัวตลก เธอคงกลายเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายในสายตาของทุกคน
คนที่เข้ามาโอบกอดอย่างปกป้องก็มีแต่ประกายแก้วเพื่อนแท้ที่เห็นน้ำใสใจจริงกันเท่านั้น ส่วนเมธาอย่าถามถึง ออกไปกับสาว ๆ ตั้งแต่หัวค่ำแล้ว
‘เดี๋ยวดิวะ’
เสียงดั่งประกาศิตนั้นทำให้เพื่อน ๆ ที่กำลังจะพาอารยาออกไปจากตรงนั้นชะงัก หญิงสาวเบือนดวงหน้ารื้นเศร้ามองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ
‘ตกลงจะเอายังไง’ ปราปต์ถามหน้านิ่งเสียงดุ
อารยาไม่เข้าใจว่าเขาต้องการคำตอบแบบไหน
‘มึงจะเอาไงกับอ้อนมันอีก’
คนที่ถามแทนอารยาคือประกายแก้ว
เพื่อนในกลุ่มเดียวกันจะรู้ดีว่าคนไหนนิสัยอย่างไรและควรใช้สรรพนามแบบไหน สายฮาร์ดคอก็ภาษาพ่อขุน ส่วนสายบุญอย่างอารยาก็ต้องใช้ถ้อยคำที่ซอฟต์ลงมาหน่อย
‘อ้อนมันรักมึง หวังดีและช่วยเหลือมึงทุกอย่างมึงน่าจะถนอมน้ำใจมันบ้าง’
‘ไม่ใช่เรื่องของมึง’ เขาสวนหน้าตาย
ประกายแก้วหน้าหงาย
อารยาหาที่เหตุผลจะอยู่ตรงนี้ไม่เจอจึงได้แต่ฉุดแขนเพื่อนสนิทเอาไว้แต่คำพูดของปราปต์ก็ทำให้เธอชะงัก
‘ที่กูถามอ้อนว่ามันจะเอายังไงน่ะคือมันจะเลิกเป็นเพื่อนกับกูหรือจะเลิกรักกู’
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวถึงกับอึ้ง เขาบ้าไปแล้วหรือที่จะให้เลือกแบบนี้
‘รักก็คือรักสิปราปต์ มันห้ามกันได้ที่ไหน’
เธอตอบเขาทั้งน้ำตา ชายหนุ่มเบือนหน้าเมินแววตาตัดพ้อนั้นก่อนจะยักไหล่ไม่ไยดีแล้วพูดขึ้นว่า
‘เรื่องของเธอ แต่ต่อไปนี้ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกันอีก มองหน้าไม่ลงโว้ย เห็นแล้วแสยงลูกตา’
เขาตัดเพื่อนกับเธอ...
อารยาสะอื้นไห้ไม่อายใครอีกแล้ว จะพูดอย่างไรก็ช่าง
เธอเจ็บ...เจ็บจนแทบจะไม่มีแรงยืนแล้ว และไม่ต้องการยืนเป็นตัวตลกของใครตรงนี้
เธอแค่รักเขา...รักมาเนิ่นนานและการที่ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองแบบนี้เธอผิดด้วยหรือ
‘ไอ้ปราปต์ มึงมันใจดำฉิบหาย บอกมันดี ๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้เลยไอ้เหี้ย ! พวกคุณก็เหมือนกันนะ ชอบหรือมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นเนี่ย โว้ย !’
เสียงโวยวายของประกายแก้วค่อย ๆ เบาลงเพราะตอนนั้นอารยาวิ่งออกไปไกลจากทุกคนแล้ว จำได้ว่ากลับบ้านมานอนร้องไห้ทั้งคืน วันต่อมาก็ไปสอนไม่ได้เพราะปวดหัวไข้ขึ้น จนประกายแก้วต้องมาอยู่เป็นเพื่อน
เรื่องคืนนั้นเป็นที่พูดถึงไม่น้อยเพราะแขกเหรื่อมากมายตบเท้ามาร่วมงานเปิดฟาร์มศุภโชค อารยาสนที่ไหนพูดได้พูดไป ที่เธอสนก็แค่ปราปต์คนเดียวแต่เขาประกาศตัดขาดเธอไปแล้ว และเธอก็ไม่ได้เจอหน้าอดีตเพื่อนตั้งแต่ตอนนั้นมา
แต่ห้ามอะไรก็ห้ามได้...ยกเว้นห้ามรัก
บ้านศุภโชคเป็นบ้านสองชั้นสไตล์ลอฟต์ตั้งอยู่ใจกลางฟาร์มโคนมเนื้อที่สองร้อยไร่ อารยาบีบแตรตั้งนานก็ไม่มีใครลงมาเปิดประตูบ้านให้ นึกถึงคำพูดเมธาที่ว่านายปองลูกน้องของปราปต์ออกไปกับผู้หญิงทิ้งนายเสียแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครเพราะเขาอยู่บ้านคนเดียว แม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดเป็นเวลา
“หายใจเข้าก็ฟ้างาม หายใจออกก็ฟ้างาม สุดท้ายคนที่คอยดูแลปราปต์ก็คืออ้อนนี่แหละ”
หญิงสาวบ่นขณะเดินไปค้นกุญแจบ้านซึ่งรู้ว่าชายหนุ่มซ่อนไว้ตรงก้นกระถางหน้าบ้านก่อนจะกลับไปลากคนตัวใหญ่ลงมาจากรถ แต่เขาตัวหนักมากจริง ๆ เลยพิงผนังเพราะหมดแรงตั้งแต่ลากได้ไม่เท่าไหร่ ทุกอย่างมันทุลักทุเลไปหมด
“แหวะ”
ปราปต์โก่งคออาเจียนราดใส่หน้าอกของอารยาตามมาด้วยกลิ่นชวนขย้อน หญิงสาวบีบจมูกอย่างแสนรังเกียจ ตอนนี้ทั้งเขาและเธอต่างก็เลอะอาเจียน
“อี๋”
ร่างเล็กผละออกจากชายหนุ่มทันที รักมากเท่าไหร่ แต่ถ้ามาอ้วกใส่กันขนาดนี้ เธอก็ไม่อยากอยู่ใกล้ อารยาคิดไม่ออกว่าควรทำอย่างไรดี
ตอนนี้มันเปียกไปถึงตัวใน เลยกลั้นใจพาเขาไปนอนที่โซฟาก่อน แล้วลงมือถอดเสื้อปราปต์ตามด้วยของตัวเองจะเอาไปซักที่หลังบ้านพร้อมกับอาบน้ำให้สะอาด
แน่นอนว่าหญิงสาวรู้จักบ้านหลังนี้ดีทุกซอกทุกมุมเพราะเธอมักจะมาเก็บกวาดบ้านให้อยู่เสมอ รวมไปถึงทำกับข้าว
กับปลาด้วย
ปราปต์เป็นลูกนายฝรั่งคนที่เข้ามาบุกเบิกหมู่บ้านแห่งนี้กับสาวน้อยชาวบ้านที่อายุห่างกันหลายสิบปี และเมื่อแปดปีก่อนทั้งสองท่านเสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกัน
นายฝรั่งเสียก่อนเพราะโรคชรา ส่วนมารดาของเขาก็ตรอมใจและตามไปอยู่กับนายฝรั่งในอีกหกเดือนให้หลัง ทิ้งไว้ก็แต่มรดกที่ดินและทรัพย์สินที่มากพอสมควรเอาไว้ให้บุตรชายเพียง คนเดียว
ปราปต์น่ะปากร้าย บางทีเขาก็ใจร้าย แต่ก็ไม่เสมอไป
เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเขาเป็นฮีโรของอ้อนเสมอ ใครรังแกอ้อนจะต้องข้ามศพปราปต์ไปก่อน ส่วนอ้อนก็คอยดูแลเขาไม่
ขาดตกบกพร่อง
หากไม่ใช่ว่าอายุเท่ากันคนคงคิดว่าเธอเป็นแม่เขาแน่นอนและหญิงสาวก็ไม่ต้องกลัวใครถามว่าพ่อแม่เคยทำแบบนี้ให้หรือเปล่า
เธอเคยทำให้ท่านมากกว่านี้...
แต่ตอนนี้ท่านทั้งสองอยู่บนสวรรค์ อีกทั้งไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน
โชคดีที่ท่านทิ้งสมบัติเอาไว้ให้ ถึงไม่มากแต่ก็พอเป็นต้นทุนชีวิตของเด็กกำพร้าอย่างอารยาให้ได้ดิบได้ดี จากนั้นเธอเลยมาดูแลคนที่ตัวเองรัก
แต่ช้ำใจนักที่เขารักคนอื่น
ปราปต์ตื่นขึ้นพร้อมความมึนศีรษะ ก่อนพบว่าไม่ได้สวมเสื้อและตอนนี้ก็อยู่ในบ้านตัวเอง มาได้อย่างไรไม่รู้ รู้แต่ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากหลังบ้าน จะเป็นนายปองก็ไม่ใช่เพราะฝ่ายนั้นไม่เคยมายุ่มย่ามยามวิกาล นาทีที่จะลุกไปดูนั่นเอง ร่างสะคราญของคนที่เขาไม่อยากเห็นหน้าก็มาจากทางนั้นพอดี
“ประ...ปราปต์”
อารยาตกใจจนขาสั่น จากที่กำลังจะสวมเสื้อไหมพรมพลันชะงัก แววตาคู่นั้นที่มองมาราวกับว่าเธอทำอะไรผิดนักหนา
เธอตกใจจนลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองสวมเพียงเสื้อสายเดี่ยวกางเกงขาสั้น สายตาดุร้ายของปราปต์จึงเปลี่ยนเป็นตื่นตะลึงยามที่ได้มองเรือนร่างซ่อนรูปของคนตรงหน้า เธอเลยรีบสวมเสื้อตัวนอกเสียเร็ว ๆ ไม่มั่นใจเลยที่ถูกมองแบบนี้
คนที่หายใจติด ๆ ขัด ๆ เพราะทรวดทรงองเอวสะดุดตาก็ปรับสีหน้าให้เข้มเหมือนเดิม
“มาทำไมวะ”
อารยากลืนน้ำลายลงคอแต่ก็ข่มความกลัวเอาไว้ตอนที่ตอบเขาไปว่า
“ก็แค่เอาคนเมามาส่ง”
“ใครขอ”
“ก็...ก็”
ให้ตายเถอะ เขาไม่ได้ขอแต่นายเมธาตัวดีต่างหาก และอารยาก็ห่วงเขามากเลยยอมมออกมา ถ้ารู้จะเป็นแบบนี้คงไม่เห็นเธอที่นี่หรอก
“ไม่มีหรอก โทษทีที่จุ้น กลับละนะ”
“จะไปไหนวะ”
ร่างใหญ่ขยับเข้ามาขวางหน้า ท่าทางและแววตาของเขาราวกับมีจุดประสงค์บางอย่าง
“กลับบ้านไง”
“ยังกลับไม่ได้”
พูดพลางเดินเข้ามาจับแขนอารยาแล้วเขย่าแรง
“ปราปต์ ปล่อยอ้อน”
คนตัวเล็กร้องประท้วงเสียงสั่น
“เธอต้องไปบอกงามตอนนี้เลยว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“มันใช่เรื่องอะไรของอ้อนไหม”
“ใช่สิ เพราะงามเข้าใจผิดว่าเราเป็นแฟนกัน”
งานเลี้ยงคืนนั้นฟ้างามอยู่ด้วยตอนที่ประกายแก้วเอา
ช่อดอกไม้จากอารยามาให้ ทำให้เจ้าหล่อนใช้เป็นเหตุผลปฏิเสธเขา
‘คุณปราปต์มีคนรู้ใจอยู่แล้ว งามคงไม่กล้าเข้าไปแทรก’
สองเดือนหลังจากนั้นเขาก็พยายามอธิบายให้ฟ้างามฟังว่าระหว่างเขาและอารยาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นไม่มีอะไรเกินเลย แม่ตัวดีคนนี้ก็ร้าย
ตั้งแต่เกิดเรื่องก็หลบหน้าหลบตาเขา เปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่เสียด้วย
“คนเขารู้กันทั้งบางว่าคืนนั้นปราปต์ทำยังไงกับอ้อนบ้าง ถ้างามยังพูดแบบนี้แสดงว่างามปิดหูปิดตาไม่รับฟัง งามคงไม่อยากให้ปราปต์ไปยุ่งด้วย”
เขาควรตาลืมหูลืมตาเสียทีจะได้รู้ว่าฟ้างามไม่เคยสนใจเขาเลย คนอย่างหล่อน ชาตินี้หากไม่ได้ผู้ชายโปรไฟล์ดีเป็นสามี
หล่อนคงจะไม่แต่งงาน
“ผู้หญิงทุกคนอยากได้ฉัน ไม่เว้นแม้กระทั่งเธอ นับประสาอะไรกับฟ้างามที่จะไม่สนใจคนอย่างฉัน”
อยากจะกรี๊ดใส่หน้าเขานัก ที่ผ่านมาหลายปีดีดักนี้ยังมองไม่ออกอีกหรือว่าอะไรคือความต้องการของผู้หญิงที่เขาหมายปอง แต่สิ่งที่ทำให้หญิงสาวหน้าร้อนมากกว่า คือการที่ปราปต์พูดว่าเธออยากได้เขา
“อ้อนไปอยากได้ปราปต์ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้อีกทีก็อยากได้ไปแล้ว”
เขาดัดเสียงให้เล็กเหมือนเธอพร้อมลอกเลียนข้อความในการ์ดในใบนั้นแถมดัดแปลงเสียน่าเกลียด
“คิดว่าตัวเองดีเลิศเลอจนอ้อนจะต้องรักฝังใจหรือ ?”
อารยาทำเสียงเยาะหยันพลันเชิดหน้าขึ้น
“เสียใจ มีผู้ชายต่อคิวรออ้อนอีกตั้งหลายคน”
“ใคร”
เขาถามเสียงห้วนและรู้สึกไม่พอใจโดยไม่จำเป็น
“ผอ. อนิรุจ ครูสิทธิเดช พี่พนาเจ้าหน้าที่ธุรการ แล้วก็
ยังมี...”
อารยาแสร้งนับนิ้ว
“โอ๊ย เยอะแยะ อ้อนเสน่ห์แรงจะตายปราปต์ก็รู้ ทั้งหล่อทั้งรวยกว่าปราปต์สิบเท่าก็มีหลายคน”
ยิ่งพูดชายหนุ่มก็ยิ่งฉุน ทำไมจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเสน่ห์แรงขนาดไหน หนุ่ม ๆ ชวนออกเดตไม่เว้นแต่ละวัน นัดหนุ่มทีไรต้องให้เขาไปเป็นไม้กันหมาทุกที ทั้งที่หน้าตาก็บ้าน ๆ แสนธรรมดาแท้ ๆ แบบนี้ไม่ได้เรียกเสน่ห์แรงแต่เขาเรียกอ่อยเก่ง
เพราะเหตุนี้ที่ทำให้เขาโมโห
“โปรยเสน่ห์ไปทั่วสิไม่ว่า”
ถูกสบประมาทซึ่งหน้าแบบนี้มันยิ่งกว่าถูกตบด้วยมือ
นับร้อย อารยาทำจมูกย่นใส่อย่างไม่พอใจ
“ไม่คุยด้วยแล้ว”
“ยอมรับความแรดของตัวเองไม่ได้ว่างั้น”
“ปราปต์วางใจเถอะ ถ้าอ้อนจะแรดก็คงแรดกับคนอื่นที่ไม่ใช่ปราปต์”
หญิงสาวอยากข่วนหน้าเขานักแต่คิดว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้นป่วยการที่จะคุยกับคนใจดำจึงปัดมือใหญ่ออกแล้วทำท่าจะเดินออกไป แต่กลับถูกคว้าเข้าไปกอดรัด
โดยไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกริมฝีปากหนาฉกเข้ามาบดจูบอย่างร้อนแรง อารยาอ่อนยวบราวถูกมอมเมาด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจเขา ขาทั้งสองอ่อนแรงไปหมด ไม่รู้ว่าปราปต์เก่งแค่ไหนแต่ที่แน่ ๆ หัวใจเธอเต้นรัวคล้ายจะวายเสียให้ได้
“คนอื่นเคยทำแบบนี้ให้ไหม ?”
“คนบ้า”
คนตัวเล็กเสียงสั่นและหอบหายใจแรง ทั้งตกใจและ
เสียขวัญ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยถูกจูบ แถมคนที่จูบก็คือคนที่บอกว่ายุ่งกับตนไม่ลง
เกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงนี่นา !
ปราปต์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้กระหายอยากจูบยายตัวดีมากขนาดนี้ ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะทำลงไปได้ หรืออาจจะเป็นเพราะการไม่เจอหน้าสองเดือนที่ให้ความรู้สึกราวกับสองปี มองไปทางไหนในบ้านหลังนี้ก็เห็นแต่ที่ที่เคยมีอารยา ยายเพื่อนตัวแสบทำอะไรกับเขาอย่างนั้นหรือนี่
“ปล่อยนะ...”
พูดไม่ทันขาดคำเขาก็จูบเธอแรง ๆ จนริมฝีปากสวย
แสบร้อน มือใหญ่ก็บีบคางสวยเชิงบังคับให้เธอเปิดรับลิ้นร้อนให้เข้าไปเกี่ยวกระหวัด อารยาจูบตอบเขาโดยธรรมชาติ
ฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับความต้องการอันมากล้นทำให้ชายหนุ่มเริ่มจะคุมตัวเองไม่อยู่ มือที่โอบรัดร่างเล็กเริ่มลูบไล้อย่างเอาแต่ใจ ใครจะไปคิดว่าอารยาเองก็เสียวซ่านจนต้องแอ่นอก
บดเบียดเขา
“งี้ยังจะบอกไม่อยากได้”
เขาคลายจูบแล้วฟอนเฟ้นทรวงอกงามอยู่ภายนอก
เสื้อไหมพรม
“มือบอน !”
ตีมือสากแรง ๆ แล้วดันแผงอกแกร่งออก
“จับข้างนอกไม่ชอบเดี๋ยวจับข้างในให้”
“ทะลึ่ง !”
“ไหนดูซิ นมเพื่อนอ้อนใหญ่แค่ไหน” ทำท่าจะถอดเสื้อเธอออกแต่อารยารั้งมือเขาเอาไว้พร้อมทำตาดุ
“เพื่อนกันเขาไม่ทำแบบนี้หรอกนะ”
เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานปราปต์ไม่เคยจะแตะต้องเธอแบบนี้เลยทั้งที่บางทีเธอก็อยากให้เขาแตะแทบแย่
แต่ถ้าจำได้เขาเคยพูดว่าหน้าตาอย่างเธอผู้ชายคนไหนมาติดพันคงรสนิยมต่ำพอควร
“จะเก็บไว้ให้ใครทำ”
ปราปต์กระชากเธอเข้ามาแนบชิดแล้วซบใบหน้าลงซุกซอนซอกคอขาวความร้อนระอุจากริมฝีปากส่งกระแสวาบหวามลงไปยังใจกลางลำตัว พร้อมกับแอ่นอกบดเบียดแผงอกกำยำ
“แรดเงียบนะเนี่ย”
เกือบจะคล้อยตามแล้วถ้าไม่ได้ยินเขาพูดแบบนี้เสียก่อน อารยาพยายามผลักปราปต์ออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล
ชายหนุ่มวกขึ้นมามอบจุมพิตดูดดื่ม จูบเอาเป็นเอาตายคล้ายจะไม่ปล่อยให้เธอได้หายใจ ที่เคยทุบอกเขาแปรเปลี่ยนเป็นลูบไล้อย่างเพลิดเพลินกระตุ้นให้อารมณ์กระสันของปราปต์
เตลิดไกล
ปราปต์สอดมือข้างที่โอบเอวคอดเข้าไปใต้เสื้อ เนื้อนวลนุ่มมือชวนหลงใหลทำเอาหัวใจของเขาเต้นแรง อดไม่ได้ที่จะใช้มืออีกข้างสอดด้านหน้า กอบกุมเต้าตึงหนั่นแน่นกลมกลึงแล้วบีบเคล้นเบา ๆ หญิงสาวสะท้านเฮือกเมื่อเขาบีบที่ปลายยอดเพราะเสียวกระสันแทบขาดใจ
